กำเนิดน้ำบนโลก

        ธาตุสามัญในจักรวาล เกิดขึ้นจากกระบวนการนิวเคลียร์ฟิวชันที่แก่นกลางของดาวฤกษ์ ได้แก่ ไฮโดรเจน ฮีเลียม คาร์บอน ออกซิเจน ซิลิกอน และเหล็ก ระบบสุริยะกำเนิดขึ้นจากฝุ่นและแก๊สในโซลาร์เนบิวลา (Solar nebula) เมื่อประมาณ 4,600 ล้านปีทีี่แล้ว โลกเกิดขึ้นโดยการรวมตัวของสะเก็ดดาวทั้งหลาย (Planetisimal) โลกในยุคแรกเป็นหินหนืดร้อน สสารที่เป็นโลหะ เช่น เหล็ก มีความถ่วงจำเพาะสูง จมตัวลงที่แก่นโลก สสารที่เป็นอโลหะ เช่น ซิลิกา (SiO2)  มีความถ่วงจำเพาะต่ำลอยตัวอยู่บนเปลือกโลก ส่วนสสารที่เป็นธาตุเบา เช่น ไฮโดรเจน คาร์บอนไดออกไซด์ และไอน้ำ ยกตัวขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ   พื้นผิวของโลกในยุคแรกมีอุณภูมิสูงเต็มไปด้วยภูเขาไฟและลาวา  ต่อมาเมื่อโลกเย็นตัวลง ไอน้ำจึงควบแน่นเป็นหยดน้ำตกลงสู่พื้นผิวโลก ประกอบกับการพุ่งชนของดาวหางจำนวนมากซึ่งมีองค์ประกอบเป็นน้ำแข็ง  ทำให้พื้นผิวโลกสะสมน้ำไว้ในที่ต่ำกลายเป็นทะเลและมหาสมุทร  ดังแสดงในภาพที่ 1  

ภาพที่ 1 โลกในอดีต

        โลกไม่ใช่ดาวเคราะห์ดวงเดียวที่มีน้ำ  ดาวศุกร์มีไอน้ำในบรรยากาศ​ ดาวอังคารมีน้ำแข็งอยู่บนพื้นผิว  โลกอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ 149.6 ล้านกิโลเมตร ด้วยระยะทางนี้ โลกได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์ 1,370 วัตต์ต่อตารางเมตร ทำให้พื้นโลกมีอุณหภูมิ -18°C  แต่เนื่องจากบรรยากาศของโลกมีแก๊สเรือนกระจก เช่น แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และไอน้ำจึงเกิดภาวะเรือนกระจก (Greenhouse effect) ทำให้พื้นผิวโลกมีอุณหภูมิเฉลี่ย 15°C  น้ำบนโลกจึงมีครบทั้งสามสถานะคือ ของแข็ง ของเหลว และแก๊ส   เนื่องจากน้ำมีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดแตกต่างกันเพียง 100°C พลังงานจากดวงอาทิตย์ทำให้น้ำหมุนเวียนเปลี่ยนสถานะเกิดเป็นวัฏจักรน้ำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่เปลี่ยนโฉมหน้าโลกของเราให้แตกต่างจากดาวเคราะห์ดวงอื่น 

ภาพที่ 2 โลก ดาวเคราะห์สีน้ำเงิน