กำเนิดสิ่งมีชีวิต
สสารกำเนิดขึ้นจากพลังงานตามสมการของไอสไตน์ E = mc2 (พลังงานเท่ากับมวลสารคูณด้วยความเร็วแสงยกกำลังสอง) ธาตุแรกที่กำเนิดขึ้นคือ ไฮโดรเจน นื่องจากไฮโดรเจนมีโครงสร้างอะตอมที่เป็นพื้นฐานที่สุดแล้วคือประกอบด้วยโปรตอนเป็นประจุบวกและอิเล็กตรอนเป็นประจุลบ ต่อจากนั้นปฏิกริยาฟิวชันภายในแก่นของดาวฤกษ์ได้หลอมรวมธาตุเบาให้เป็นธาตุที่หนักกว่า ได้แก่ ฮีเลียม คาร์บอน นีออน ออกซิเจน และเหล็ก ตามลำดับ และเมื่อดาวฤกษ์มวลมากจบสิ้นอายุขัยก็จะระเบิดเป็นซูเปอร์โนวามีความร้อนสูงจนสร้างธาตุที่หนักกว่าเหล็ก
ภาพที่ 1 กราฟแสดงปริมาณของธาตุที่มีอยู่ในดวงอาทิตย์
กราฟในภาพที่ 1 แสดงให้เห็นว่า ไฮโดรเจนมีอยู่เป็นจำนวนมากเนื่องจากเป็นธาตุพื้นฐานของจักรวาล ส่วนคาร์บอน ไนโตรเจน ออกซิเจน และเหล็ก เป็นธาตุที่เกิดขึ้นภายในดาวฤกษ์ และธาตุที่หนักกว่าเหล็กเช่น ทอง และยูเรเนียม มีอยู่เป็นจำนวนน้อยเนื่องจากต้องเกิดขึ้นจากการระเบิดของดาวมวลมาก ซึ่งเรียกว่า "ซูเปอร์โนวา" (Supernova) เท่านั้น
ภาพที่ 2 ตารางธาตุแสดงความสัมพันธ์กับสิ่งมีชีวิต
ในจักรวาลมีธาตุที่เกิดขึ้นเองในธรรมชาติ 88 ธาตุ ในจำนวนนี้มีเพียง 11 ธาตุเท่านั้นที่เป็นองค์ประกอบของร่างกายมนุษย์ ได้แก่ ไฮโดรเจน คาร์บอน ไนโตรเจน ออกซิเจน โซเดียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส กำมะถัน คลอรีน โปแตสเซียม และแคลเซียม โดยมีสัดส่วนแสดงไว้ในตารางที่ 1 เราจะเห็นได้ว่า สสารที่ประกอบขึ้นเป็นตัวเรานั้น แท้จริงก็มาจากธุลีของดวงดาวนั่นเอง
โลกของเรากำเนิดขึ้นเมื่อประมาณ 4,600 ล้านปีมาแล้ว ธาตุทั้งสิบเอ็ดในตารางที่ 1 ดำรงอยู่ในรูปของสารประกอบที่มีอยู่ทั่วไปในโลกยุคแรก ได้แก่ ไฮโดรเจน (H): แก๊สไฮโดรเจน (H2), ไอน้ำ (H2O), มีเทน (CH4), แอมโมเนีย (NH3)
คาร์บอน (C): คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)
ไนโตรเจน (N): ไนตรัสออกไซด์ (N2O)
ออกซิเจน: เฟลด์สปาร์ (KAlSi3O8), ควอตซ์ (SiO2) และแร่เกือบทุกชนิดเนื่องจากออกซิเจนเป็นธาตุที่ชอบทำปฏิกริยากับธาตุอื่น
โซเดียม (Na) และคลอรีน (Cl): เกลือคลอไรด์ (NaCl)
แมกนีเซียม (Mg): เกลือซัลเฟต (MgSO4)
ฟอสฟอรัส (P): ฟอสเฟต (H3PO4)
กำมะถัน (S): ไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H2S)
โปแตสเซียม (K): ดินประสิว (KCO3)
แคลเซียม: หินปูน (CaCO3)
เพียงไม่กี่ร้อยล้านปีหลังจากที่โลกเย็นตัวลง สิ่งมีชีวิตก็อุบัติขึ้นบนพื้นผิวโลก นักวิทยาศาสตร์ค้นพบฟอสซิลจุลินทรีย์ที่เก่าแก่ที่สุดบนโลก อยู่ในหินตะกอนบนเกาะกรีนแลนด์ มีอายุประมาณ 3,800 ล้านปี สิ่งมีชีวิตกำเนิดขึ้นได้อย่างไรยังคงเป็นปริศนาซึ่งมี 2 สมมติฐาน คือ ชีวิตเกิดขึ้นเองภายในโลก หรือ ชีวิตกำเนิดมาจากนอกโลก
ภาพที่ 3 โมเลกุลของกรดอะมิโน
สมมติฐานที่ 1 ชีวิตเกิดขึ้นเองภายในโลก
โลกของเรามีน้ำเป็นสิ่งมหัศจรรย์ น้ำเป็นตัวทำละลายที่ดี ในบรรยากาศเมื่อไอน้ำควบแน่นกลายเป็นหยดน้ำและตกลงมาเป็นฝน น้ำฝนจะทำละลายคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของบรรยากาศโลกในยุคเริ่มแรก ดังนั้นน้ำฝนจึงมีฤทธิ์เป็นกรด เมื่อน้ำฝนตกลงสู่พื้นผิวโลกก็จะทำละลายกับแร่ธาตุทั้งหลาย เกิดประจุนานาชนิด เช่น ประจุคลอไรด์ ประจุซิลิเกต ประจุไนเตรท ประจุฟอสเฟต ฯลฯ แล้วไหลลงไปสะสมกันในมหาสมุทร โมเลกุลของสสารในมหาสมุทรจับตัวกันเป็นโครงสร้างขนาดใหญ่และมีความสลับซับซ้อน เช่น กรดอะมิโน (H2NCHRCOOH, R หมายถึงโมเลกุลอื่นที่จะเชื่อมต่อด้วย) ซึ่งถือว่าเป็นโมเลกุลพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต และเมื่อกรดอะมิโนได้รับการกระตุ้นจากปรากฏการณ์ธรรมชาติ เช่น ฟ้าแลบ ฟ้าผ่า ก็อุบัติขึ้นเป็นสิ่งมีชีวิต
สมมติฐานที่ 2 ชีวิตกำเนิดจากนอกโลก
เมื่อพิจารณาข้อมูลในตารางที่ 2 จะเห็นว่า สิ่งมีชีวิตบนโลกไม่ว่าจะเป็นแบคทีเรียหรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ต่างมีองค์ประกอบเหมือนกับดาวหางและฝุ่นอวกาศ ดาวหางมีองค์ประกอบหลักเป็นน้ำแข็งและมีสสารอื่นปนอยู่เล็กน้อย มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่่ขอบของระบบสุริยะซึ่งเรียกว่า "เมฆออร์ต" (Oort Cloud) เมื่อมีแรงจากภายนอกมากระทำ เช่น ซูเปอร์โนวา (ดาวระเบิด) ดาวหางจะหลุดออกจากตำแหน่งที่เคยอยู่ และถูกแรงโน้มถ่วงของดวงอาทิตย์ดึงดูดเข้ามาเป็นบริวาร ดาวหางมีวงโคจรเป็นวงรีที่แคบและยาวมาก เมื่อดาวหางโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ ความร้อนจากดวงอาทิตย์จะทำให้น้ำแข็งระเหยและปล่อยอนุภาคที่อยู่ภายในนิวเคลียสออกมาเป็นทางยาวหลายล้านกิโลเมตร เมื่อโลกโคจรผ่านเข้าไปในวงโคจรของดาวหางก็จะดึงดูดให้อนุภาคเหล่านี้ตกลงสู่พื้นผิวของโลก ดาวหางจึงเปรียบเสมือนนกทะเลที่คาบเมล็ดพืชไปแพร่พันธุ์บนเกาะภูเขาไฟที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ในมหาสมุทร ถ้าสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวย เมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตก็จะสามารถเจริญโตเติบโตต่อไปได้