การแผ่รังสี
เป็นที่ทราบกันดีว่า เรามองเห็นวัตถุเนื่องจากวัตถุได้รับรังสีแล้วสะท้อนเข้าดวงตาของเรา ทว่าความจริงแล้วทุกสรรพสิ่งในจักรวาลนี้แผ่รังสีออกมาในรูปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งมีทั้งคลื่นที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้หรือมองไม่เห็น ทั้งนี้ความยาวของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่แผ่รังสีออกมาขึ้นอยู่กับระดับอุณหภูมิของวัตถุต้นกำเนิด ยกตัวอย่างเช่น หากเราวางแท่งโลหะไว้ในห้องที่มืดสนิท เราก็จะมองไม่เห็นมัน แต่ถ้าเราเปิดหน้าต่างให้แสงภายนอกส่องมากระทบมันแล้วสะท้อนเข้าตาเรา เราก็จะมองเห็นมัน การเห็นด้วยวิธีนี้ไม่ใช่การแผ่รังสีแต่เป็นการสะท้อนแสง แต่เมื่อเราเอาแท่งโลหะมาเผาไฟด้วยแก๊สร้อน ก็จะเห็นว่าโลหะค่อยๆ เปล่งแสงสีแดงออกมา และเปลี่ยนเป็นสีส้ม สีเหลือง สีฟ้า และสีน้ำม่วง เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้นตามลำดับ
ภาพที่ 1 ความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิกับการแผ่รังสี
กราฟในภาพที่ 1 แสดงความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิและการแผ่รังสีของแท่งโลหะดังนี้
เมื่อแท่งโลหะมีอุณหภูมิ 3,000 K จะแผ่รังสีเข้มสุดที่ความยาวคลื่น 1,000 nm ซึ่งอยู่ในย่านรังสีอินฟราเรด สายตามนุษย์มองไม่เห็น แต่เรามองเห็นแท่งโลหะเปล่งแสงสีแดงความยาวคลื่น 700 nm เนื่องจากเป็นความยาวคลื่นที่ยาวที่สุด ที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้
เมื่อแท่งโลหะมีอุณหภูมิ 5,000 K จะแผ่รังสีเข้มสุด ที่ความยาวคลื่น 580 nm เราจึงมองเห็นแท่งโลหะเปล่งแสงสีเหลือง
เมื่อแท่งโลหะมีอุณหภูมิ 12,000 K จะแผ่รังสีเข้มสุดที่ความยาวคลื่น 290 nm ซึ่งอยู่ในย่านรังสีอัลตราไวโอเล็ต สายตามนุษย์มองไม่เห็น แต่เรามองเห็นแท่งโลหะเปล่งแสงสีน้ำเงินความยาวคลื่น 400nm เนื่องจากเป็นความยาวคลื่นที่สั้นที่สุด ที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้
หมายเหตุ: ในการมองดูดาวฤกษ์บนท้องฟ้าก็เช่นเดียวกัน ดาวฤกษ์ทั้งหลายแผ่รังสีต่างชนิดขึ้นอยู่กับอุณหภูมิพื้นผิว เรามองเห็นดาวฤกษ์เป็นสีต่างๆ ในช่วงแสงที่ตามองเห็น อย่างไรก็ตามเรามองไม่เห็นดาวสีม่วง เนื่องจากสีม่วงกลมกลืนกับอวกาศสีดำ เรามองดาวไม่เห็นดาวสีเขียว เนื่องจากแสงสีเขียวอยู่กึ่งกลางสเปกตรัมพอดี เรามองเห็นดาวสีเขียวเป็นดาวสีขาว เพราะว่าแสงทุกสีรวมกันเป็นแสงสีขาว
ภาพที่ 2 กราฟแสดงรังสีจากดวงอาทิตย์และโลก
กฎของวีน (Wien's law)
การอธิบายในเชิงฟิสิกส์ อุณหภูมิหมายถึงระดับพลังงานภายในอะตอม สสารทุกชนิดในจักรวาลมีอุณหภูมิสูงกว่า 0 เคลวิน (-273°C) เนื่องจากอะตอมมีพลังงาน อะตอมประกอบด้วยอิเล็กตรอนหมุนรอบนิวเคลียส สภาวะที่อุณหภูมิ 0 เคลวิน เป็นสภาวะไร้พลังงานและทุกอย่างหยุดนิ่ง ซึ่งเป็นสภาวะที่ยังไม่มีการค้นพบ ในปี ค.ศ.1893 วิลเฮล์ม วีน (Wilhelm Wien) นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน ค้นพบว่า อุณหภูมิของสสารแปรผกผันกับการแผ่คลื่นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ตามสูตร
λmax = 0.0029 / T
โดยที่ λmax หมายถึง ความยาวคลื่นเข้มสุดของการแผ่รังสี มีหน่วยเป็นเมตร (m), T หมายถึง อุณหภูมิของวัตถุ มีหน่วยเป็นเคลวิน (K)
ตัวอย่างที่ 1: ดวงอาทิตย์แผ่รังสีที่มีความยาวคลื่นเข้มสุด 500 นาโนเมตร อยากทราบว่า ดวงอาทิตย์มีอุณหภูมิพื้นผิวเฉลี่ยเท่าไร
λmax = 0.0029 / T
T = 0.0029 / λmax
= 0.0029 / (500 x 10-9 m)
= 5,800 K
ตัวอย่างที่ 2: โลกแผ่รังสีอินฟราเรดขึ้นสู่อวกาศ ซึ่งความยาวคลื่นเข้มสุด 10,069 nm อยากทราบว่า โลกมีอุณหภูมิพื้นผิวเฉลี่ยเท่าไร
λmax = 0.0029 / T
T = 0.0029 / λmax
= 0.0029 / (10 x 10-6 m)
= 288 K หรือ 15°C
ตัวอย่างที่ 3: ร่างกายมนุษย์มีอุณหภูมิ 37°C หรือ 410 K อยากทราบว่า ร่างกายมนุษย์แผ่รังสีในช่วงคลื่นอะไร
λmax = 0.0029 / T
= 0.0029 / 410
= 7.07 x 10-6 m หรือประมาณ 7 ไมโครเมตร ซึ่งอยู่ในย่านรังสีอินฟราเรด
ภาพที่ 3 ภาพสีเทียม (False color) แสดงรังสีอินฟราเรดที่แผ่ออกมาจากร่างกาย
สรุปกฎของวีน (Wein's law)
วัตถุอุณหภูมิสูงแผ่รังสีคลื่นสั้น วัตถุอุณหภูมิต่ำแผ่รังสีคลื่นยาว
รังสีที่มีความยาวคลื่นน้อยกว่าแสงที่ตามองเห็น เรียกว่า คลื่นสั้น เป็นอันตรายต่อมนุษย์
รังสีที่มีความยาวคลื่นมากกว่าแสงที่ตามองเห็นเรียกว่า คลื่นยาว ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ อย่างไรก็ตามไม่ว่ารังสีจะมีความยาวคลื่นเท่าไร หากมีความเข้มสูงก็จะทำให้วัตถุที่ดูดกลืนรังสีนั้นๆ มีอุณหภูมิสูงขึ้นได้ เช่น รังสีอินฟราเรดทำให้โลกร้อน เตาไมโครเวฟสามารถทำให้น้ำเดือด
ยกตัวอย่างแหล่งกำเนิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
รังสีแกมมา เกิดจากการระเบิดของดาวมวลมากซึ่งเรียกว่า ซูเปอร์โนวา, ระเบิดปรมาณูที่มนุษย์สร้างขึ้น
รังสีเอ็กซ์ เกิดจากการยุบตัวของดาวมวลมาก เช่น หลุมดำ, รังสีที่ใช้ในวงการแพทย์
รังสีอัลตราไวโอเล็ต เกิดจากการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์
แสงที่ตามองเห็น เช่น แสงแดด, หลอดไฟฟ้า
รังสีอินฟราเรด เกิดจากการแผ่รังสีของโลก, สิ่งมีชีวิต, แก๊สเรือนกระจก, แก๊สในอวกาศ
ไมโครเวฟและคลื่นวิทยุ เกิดจากธรรมชาติ, มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อการสื่อสารโทรคมนาคม
หมายเหตุ: รังสีคอสมิค (Cosmic rays) ไม่ใช่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า แต่เป็นอนุภาคขนาดเล็กที่มีอยู่ทั่วไปในอวกาศ ซึ่งสามารถเดินทางทะลุผ่านโลกและร่างกายสิ่งมีชีวิต