หินอัคนี

        หินอัคนี (Igneous rock) เป็นหินที่เกิดจากการแข็งตัวของแมกมาจากใต้เปลือกโลกที่แทรกตัวขึ้นมา เราแบ่งหินอัคนีตามแหล่งที่มาเป็น 2 ประเภท คือ 

  • หินอัคนีแทรกซอน (Intrusive igneous rock) เป็นหินที่เกิดจากหินหนืดที่เย็นตัวลงภายในเปลือกโลกอย่างช้าๆ ทำให้ผลึกแร่มีขนาดใหญ่และมีเนื้อหยาบ เช่น หินแกรนิต หินไดออไรต์ และหินแกบโบร

ภาพที่ 1 แหล่งกำเนิดหินอัคนี

  • หินอัคนีพุ (Extrusive igneous rock)  บางทีเรียกว่า หินภูเขาไฟ เป็นหินหนืดที่เกิดจากลาวาบนพื้นผิวโลกเย็นตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้ผลึกมีขนาดเล็ก และเนื้อละเอียด เช่น หินบะซอลต์ หินไรออไรต์ และหินแอนดีไซต์ 
        นอกจากนั้นนักธรณีวิทยายังจำแนกหินอัคนี โดยใช้องค์ประกอบของแร่ เป็น หินชนิดกรด หินชนิดปลางกลาง หินชนิดด่าง และหินอัลตราเมฟิก โดยใช้ปริมาณของซิลิกา (SiO2) เป็นเกณฑ์แบ่งจากมากไปหาน้อยตามลำดับ ดังรายละเอียดในตารางที่ 1 ซึ่งจะเห็นได้ว่า หินที่มีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นควอตซ์และเฟลด์สปาร์จะมีสีอ่อน ส่วนหินที่มีองค์ประกอบเป็นเหล็กและแมกนีเซียมมากจะมีสีเข้ม


ตารางที่ 1 ตัวอย่างหินอัคนี

อัคนีแทรกซอน

เย็นตัวช้าผลึกใหญ่

หินแกรนิต

หินไดออไรต์

หินแกรโบร

หินเพริโดไทต์





อัคนีพุ

เย็นตัวเร็วผลึกเล็ก

หินไรโอไลต์

หินแอนดีไซต์

หินบะซอลต์

-




ชนิดของหิน

หินชนิดกรด (Felsic)

หินชนิดปานกลาง (Intermediate)

หินชนิดด่าง (Mafic)

อัลตราเมฟิก (Ultramafic)

องค์ประกอบ

ซิลิกา 72% อะลูมิเนียมออกไซด์ 14%
เหล็กออกไซด์ 3% 
แมกนีเซียมออกไซด์ 1% 
อื่นๆ 10%

ซิลิกา 59% 
อะลูมิเนียมออกไซด์ 17% เหล็กออกไซด์ 8%
แมกนีเซียมออกไซด์ 3% 
อื่นๆ 13%

ซิลิกา 50% อะลูมิเนียมออกไซด์ 16% 
เหล็กออกไซด์ 11% 
แมกนีเซียมออกไซด์ 7% 
อื่นๆ 16%

ซิลิกา 45% 
อะลูมิเนียมออกไซด์ 4% 
เหล็กออกไซด์ 12% 
แมกนีเซียมออกไซด์ 31% 
อื่นๆ 8%

แร่หลัก

ควอตซ์

เฟลด์สปาร์

เฟลด์สปาร์

แอมฟิโบล

เฟลด์สปาร์

ไพร็อกซีน

ไพร็อกซีน

โอลิวีน

แร่รอง

ไมก้า และ แอมฟิโบล

ไพร็อกซีน

โอลิวีน

เฟลด์สปาร์

สีที่พบเห็นโดยทั่วไป

สีอ่อน

เทา หรือ เขียว

เทาแก่

เขียวเข้ม หรือดำ


หินอัคนีที่สำคัญ

  • หินแกรนิต (Granite) เป็นหินอัคนีแทรกซอนที่เย็นตัวลงภายในเปลือกโลกอย่างช้าๆ จึงมีเนื้อหยาบซึ่งประกอบด้วยผลึกขนาดใหญ่ของแร่ควอตซ์สีเทาใส แร่เฟลด์สปาร์สีขาวขุ่น และแร่ฮอร์นเบลนด์สีดำ หินแกรนิตแข็งแรงมาก ชาวบ้านใช้ทำครก เช่น ครกอ่างศิลา ภูเขาหินแกรนิตมักเตี้ยและมียอดมน เนื่องจากเปลือกโลกซึ่งเคยอยู่ชั้นบนสึกกร่อนผุพัง เผยให้เห็นแหล่งหินแกรนิตซึ่งอยู่เบื้องล่าง

ภาพที่ 2 ผลึกแร่ในหินแกรนิต (ควอตซ์ - เทาใส, เฟลด์สปาร์ขาว, ฮอร์นเบลนด์ดำ)

  • หินบะซอลต์ (Basalt) เป็นหินอัคนีพุ เนื้อละเอียด เกิดจากการเย็นตัวของลาวา มีสีเข้มเนื่องจากประกอบด้วยแร่ไพร็อกซีนเป็นส่วนใหญ่ อาจมีแร่โอลิวีนปนมาด้วย เนื่องจากเกิดขึ้นจากแมกมาใต้เปลือกโลก หินบะซอลต์หลายแห่งในประเทศไทยเป็นแหล่งกำเนิดของอัญมณี (พลอยชนิดต่างๆ) เนื่องจากแมกมาดันผลึกแร่ซึ่งอยู่ลึกใต้เปลือกโลก ให้โผล่ขึ้นมาเหนือพื้นผิว

  • หินไรโอไลต์ (Ryolite) เป็นหินอัคนีพุซึ่งเกิดจากการเย็นตัวของลาวา มีเนื้อละเอียดซึ่งประกอบด้วยผลึกแร่ขนาดเล็ก มีแร่องค์ประกอบเหมือนกับหินแกรนิต แต่ทว่าผลึกเล็กมากจนไม่สามารถมองเห็นได้ ส่วนมากมีสีชมพู และสีเหลือง 

  • หินแอนดีไซต์ (Andesite) เป็นหินอัคนีพุซึ่งเกิดจากการเย็นตัวของลาวาในลักษณะเดียวกับหินไรโอไรต์ แต่มีองค์ประกอบของแมกนีเซียมและเหล็กมากกว่า จึงมีสีเขียวเข้ม 

  • หินพัมมิซ (Pumice) เป็นหินแก้วภูเขาไฟชนิดหนึ่งซึ่งมีฟองก๊าซเล็กๆ อยู่ในเนื้อมากมายจนโพรกคล้ายฟองน้ำ มีส่วนประกอบเหมือนหินไรโอไลต์ แต่เกิดขึ้นจากเถ้าภูเขาไฟ (Pyroclastic flowมีน้ำหนักเบา ลอยน้ำได้ ชาวบ้านเรียกว่า หินส้ม ใช้ขัดถูภาชนะทำให้มีผิววาว 

  • หินออบซิเดียน (Obsedian) เป็นหินแก้วภูเขาไฟซึ่งเย็นตัวเร็วมากจนผลึกมีขนาดเล็กมาก เนื้อหินเหมือนแก้วสีดำ 



ภาพที่ 3 หินพัมมิซ และหินออบซิเดียน